ทั่วโลกจับตา! ‘Johnny Depp’ ขึ้นศาล ประชันหน้า ‘Amber Heard’ คดีหมิ่นประมาท

ทั่วโลกจับตา! ‘Johnny Depp’ ขึ้นศาล ประชันหน้า ‘Amber Heard’ คดีหมิ่นประมาท

ข่าว จอนนี่ เดป ล่าสุด – ในวันจันทร์นี้ Johnny Depp เตรียม ขึ้นศาล ประชันหน้ากับ Amber Heard ในดคีหมิ่นประมาท หลังจากที่นักแสดงสาวกล่าวหาว่าอดีตสามีทำร้ายร่างกาย เมื่อวันที่ 11 เมษายน สำนักข่าว ฟร็องซ์24 รายงานว่า ในวันจันทร์นี้ จอห์นนี เดปป์ และ แอมเบอร์ เฮิร์ด สองดาราฮอลีวูดและอดีตสามีภรรยา เตรียมขึ้นศาลที่รัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

หลังจากที่ เดปป์ ฟ้องอดีตภรรยาตนเอง ในข้อหาหมิ่นประมาท 

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ แอมเบอร์ เฮิร์ด ได้เล่าเรื่องราวลงบนเว็ปไซต์ The Washington Post ในปี 2561 กล่าวหาว่า จอห์นนี เดปป์ ทำร้ายร่างกายเธอ จนทำให้เหล่าสตูดิโอภาพยนตร์ ร่วมใจกันยกเลิกงานและไม่จ้าง จอห์นนี เดปป์

โดยการขึ้นศาลครั้งนี้จะถูกถ่ายทอดผ่านทางโทรทัศน์ ซึ่งนอกจาก จอห์นนี เดปป์ และ แอมเบอร์ เฮิร์ด ที่จะขึ้นให้การแล้ว ยังมีรายงานว่า เพื่อนร่วมอาชีพของอย่าง เจมส์ ฟรังโก, พอล เบ็ตตานีย์ รวมถึง อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้ง SpaceX จะขึ้นให้การในคดีนี้ด้วย

ซึ่ง แอมเบอร์ เฮิร์ด ได้โพสต์ข้อความก่อนขึ้นศาลว่า เธอจะไม่ออนไลน์ไปอีกหลายสัปดาห์ เพราะตอนนี้เธออยู่เวอร์จิเนีย ซึ่งเป็นสถานที่เธอและอดีตสามีจะเผชิญหน้ากันในศาล โดยย้ำว่าเธอไม่เคยกล่าวถึงชื่อของ จอห์นนี เดปป์ ในบทความเลยแม้แต่ครั้งเดียว

โดยเธอระบุว่า เธอแค่บอกเล่าประสบการณ์ที่เธอถูกทำร้ายร่างกาย และเธอต้องชดใช้กับการที่เธอออกมากล่าวเปิดโปงผู้ชาย และนี่เป็นอีกครั้งที่เธอยังต้องชดใช้ ซึ่งเธอหวังว่า หลังจากสิ้นสุดคดีนี้ เธอและอดีตสามีจะเดินหน้าต่อไปในชีวิตได้

ซึ่งนักแสดงสาวยังเขียนอีกด้วยว่า เธอยังคงรักในตัวของ จอห์นนี และเธอรู้สึกเจ็บปวดที่ต้องนำชีวิตในอดีตออกมาปรากฎให้โลกเห็น ในตอนนี้เธอรู้สึกโชคดีที่มีเสียงสนับสนุนเธอในตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงในช่วงสัปดาห์ถัดจากนี้ ขณะที่ด้านสามีไม่ได้ออกมาให้ข่าว หรือโพสต์ข้อความใดๆ

ย้อนกลับไปในปี 2561 Washington Post ได้เผยแพร่บทความของ แอมเบอร์ เฮิร์ด เล่าเรื่องการหย่าร้าง และกล่าวหาอดีตสามีว่าใช้กำลังกับเธอ ซึ่งในบทความนั้นไม่ได้มีการกล่าวถึงชื่อของ เดปป์ แต่อย่างใด ทั้งนี้จากการขึ้นศาลก่อนหน้านี้ ทาง เดปป์ ได้ยื่นเอกสารยืนยันว่า ในบทความเป็นการพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกตน ก่อนจะหย่าร้างกันไปในปี 2560

ใจสลาย! นายกฯ ญี่ปุ่น เผย ยังไม่มีแผนเปิดให้ชาวต่างชาติ เที่ยวญี่ปุ่น เร็วๆนี้

กลายเป็นข่าวใจสลายสำหรับชาวไทยที่รอ เที่ยวญี่ปุ่น หลังนายกฯญี่ปุ่นออกมาระบุว่า ยังไม่มีแผนเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยว เมื่อวันที่ 10 เมษายน สำนักข่าว เจแปนไทมส์ รายงานว่า นาย ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ยังไม่มีแผนที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้าประเทศได้

หลังจากที่เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา ประเทศญี่ปุ่น ผ่อนมาตรการโควิด-19 และเปิดประเทศสำหรับ ผู้โดยสารจาก 106 ประเทศ ที่เป็นประชาชนที่พำนักในญี่ปุ่น นักธุรกิจ และ นักเรียน จะไม่ถูกปฏิเสธในการเข้าประเทศแล้ว  โดยใน 106 ประเทศนั้น มีประเทศ ไทย สหรัฐอเมริกา อังกฤษ รวมอยู่ด้วย

ซึ่ง นาย คิชิดะ กล่าวว่า ยังไม่มีการตัดสินใจถึงตารางเวลาที่แน่ชัด โดยระบุว่าทางการญี่ปุ่นจะจับตาดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก รวมถึงมาตรการเปิดประเทศของชาติอื่น เพื่อตัดสินใจต่อไปว่าจะเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเมื่อใด

ทั้งนี้ผู้นำญี่ปุ่นยังได้เตือนให้ประชาชนปฎิบัติตามมาตรการโควิดอย่างใกล้ชิด หลังจากที่เริ่มมีสัญญาณว่า โควิดโอมิครอน อาจจะกลับมาระบาดอีกครั้งได้ในเร็ววันนี้

ประเทศญี่ปุ่นนั้นปิดประเทศตั้งแต่ปี 2563 หรือช่วงเริ่มการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเปิดรับเฉพาะนักธุรกิจ และ ชาวต่างชาติที่พำนักในญี่ปุ่น นักเรียนเท่านั้น ขณะที่หลายประเทศได้เริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวไปก่อนแล้ว

“วงการทีวีและภาพยนตร์ มีอิทธิพลในการสะท้อนและเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมประชานิยมของเรา ดังนั้น เราเชื่อว่าการที่ผู้คนได้เห็นชีวิตของตนเองถูกเล่าในหน้าจอนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก” ดร. สเตซี่ แอล สมิธ ผู้ก่อตั้งโครงการเพื่อความเท่าเทียม จากสถาบันแอนเนนเบิร์ก มหาวิทยาลัยเซาเทิร์น แคลิฟอร์เนีย ซึ่งมุ่งวิจัยและศึกษาเรื่องความหลากหลายในสื่อบันเทิง กล่าว “ผลการวิจัยของเราชี้ว่า การมีคนหลากหลายทำงานเบื้องหลัง นำไปสู่ความหลากหลายที่ถูกสะท้อนออกมาบนหน้าจอมากขึ้น โดยในปีที่แล้ว 20% ของผู้กำกับภาพยนตร์ออริจินัลจากเน็ต ฟลิกซ์เป็นผู้หญิง และเราตื่นเต้นที่จะยกย่องผู้สร้างหญิงเหล่านี้ในวันสตรีสากล ยังมีเรื่องที่เราสามารถทำได้อีกเพื่อสร้างความเสมอภาค แต่การที่เราให้เกียรติผู้หญิงเก่งจากทั่วโลก เราหวังว่าจะเป็นการส่งเสริมให้ผู้หญิงออกมาเล่าเรื่องราวของตนเอง และเพิ่มอัตราส่วนนี้ให้มากขึ้น”

นอกจากนั้นแล้ว ประธานาธิบดีชาอีร์ โบลโซนาโร ยังได้ทำการไล่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกไปจากตำแหน่งแล้วถึงสองรายด้วยกัน ซึ่งเหตุผลก็มาจากการที่พวกเขาขัดแย้งต่อนโยบายที่ โบลโซนาโร ตั้งไว้นั่นเอง

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป